JobKeeper Payment
มาตรการ JobKeeper Payment ของรัฐบาลช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Coronavirus โดยให้เงินชดเชยค่าจ้างลูกจ้าง เพื่อช่วยลูกจ้างมิให้ตกงานและมีรายได้ต่อเนื่อง
การรักษาการจ้างงานของคนออสเตรเลียและพยุงธุรกิจให้ดำเนินการต่อไป จะช่วยวางรากฐานการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้นหลังวิกฤตการณ์ Coronavirus ผ่านพ้นไป
โครงการ JobKeeper Payment จะขยายระยะเวลาให้สิทธิ์ต่อไปตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2564
ข้อมูลเพิ่มเติม :
ดูเพิ่มเติมที่ :
ข้อมูลสำหรับนายจ้างที่มีสิทธิ์
มาตรการ JobKeeper เปิดให้นายจ้างที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขขอรับเงินเยียวยาเพื่อนำไปชำระค่าจ้างของลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์ตามค่าจ้างขั้นต่ำต่อปักษ์ก่อนหักภาษี
โครงการ JobKeeper payment เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนผ่านช่องทาง Business Portal ของ ATO หรือผ่าน myGov (กรณีเป็นผู้ค้ารายเดียว) หรือให้ตัวแทนภาษีที่ขึ้นทะเบียนของคุณเป็นผู้ลงทะเบียนให้
นายจ้างที่มีสิทธิ์จะได้รับเงินชดเชยตามจำนวนเงินที่จ่ายให้กับลูกจ้างที่มีสิทธิ์แต่ละราย
ทั้งนี้ นายจ้างจะต้องชำระเงินให้แก่ลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์ตามค่าจ้างขั้นต่ำ (ก่อนหักภาษี)/ปักษ์ จึงจะมีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอเงิน JobKeeper payment ได้ โดยนายจ้างจะได้รับเงินจากเราหลังชำระค่าจ้างให้ลูกจ้างแล้วแต่ละเดือน
หากนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างตามรอบชำระแต่ละรอบ นายจ้างจะถูกเพิกถอนสิทธิ์รับเงินเยียวยา JobKeeper payments
ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์เงินเยียวยา JobKeeper payment ไม่ว่าจะเป็นนายจ้างและลูกจ้างจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้
โครงการ JobKeeper Payment จะขยายระยะเวลาให้สิทธิ์ต่อไปตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2564 โดยแบ่งระยะเวลาขยายโครงการออกเป็นสองช่วง แต่ละช่วงจะมีเงื่อนไขตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริงคำนวณเพิ่ม และมีอัตราเงินเยียวยา JobKeeper payment ต่างกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม :
ดูเพิ่มเติมที่ :
ข้อมูลสำหรับลูกจ้างที่มีสิทธิ์
หากนายจ้างของคุณเข้าร่วมโครงการฯ และคุณเป็นพนักงานที่มีสิทธิ์ นายจ้างจะต้องให้แบบฟอร์ม JobKeeper payment – employee nomination notice (ภาษาอังกฤษ) แก่คุณ หากคุณตกลงให้นายจ้างเสนอชื่อ คุณจะต้องลงนามในแบบฟอร์มและส่งกลับให้นายจ้างทันทีเพื่อให้นายจ้างเรียกร้องสิทธิ์ขอรับเงิน JobKeeper แทนคุณ
นายจ้างของคุณมีสิทธิ์เลือกเข้าร่วมโครงการ JobKeeper หากนายจ้างไม่เข้าร่วม นายจ้างจะไม่สามารถอ้างสิทธิ์ของรับเงิน JobKeeper แทนคุณ
หากคุณเป็นลูกจ้างที่มีสิทธิ์ตามโครงการ JobKeeper นายจ้างของคุณจะต้องจ่ายค่าจ้างให้คุณตามค่าจ้างขั้นต่ำ (ก่อนหักภาษี) ต่อปักษ์ จึงจะขอรับเงิน JobKeeper แทนคุณได้
คุณสามารถทำงานได้มากกว่าสองที่ แต่มีนายจ้างเพียงรายเดียวเท่านั้นที่สามารถขอเงิน JobKeeper แทนคุณได้ หากคุณมีทั้งงานประจำและงานชั่วคราว จะต้องเสนอชื่อผ่านนายจ้างประจำเท่านั้น โดยกรอกแบบฟอร์ม JobKeeper payment – employee nomination notice (ภาษาอังกฤษ) ระบุชื่อนายจ้างประจำของคุณ
โครงการ JobKeeper ขยายเวลาให้สิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 จนถึง 28 มีนาคม 2564 โดยแบ่งระยะเวลาขยายโครงการออกเป็นสองช่วง แต่ละช่วงมีอัตราเงินเยียวยา JobKeeper payment แตกต่างกัน
ข้อมูลเพิ่มเติม :
ดูเพิ่มเติมที่ :
วันสำคัญและข้อมูลการรับเงินเยียวยาสำหรับนายจ้าง
- การขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 1 : ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2564
- การขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 2 : ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2564
- โครงการ JobKeeper Payment เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไหร่ก็ได้จนกว่าโครงการฯ จะสิ้นสุด ตรวจสอบสิทธิ์ของคุณได้ที่ Enrol for JobKeeper (ภาษาอังกฤษ)
- หากคุณลงทะเบียนเพื่อรับเงิน JobKeeper payments คุณจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นเดือนที่ประสงค์ขอรับเงินเยียวยา
- คุณจะต้องแสดงรายงานธุรกิจประจำเดือนเพื่อขอรับเงิน JobKeeper payment ของเดือนก่อนหน้า โดยจะต้องส่งรายงานภายในวันที่ 1 ถึง 14 ของเดือน
ดูเพิ่มเติมที่ :
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงมาตรการ JobKeeper Payments
การขยายเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563
โครงการ JobKeeper ขยายเวลาให้สิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 จนถึง 28 มีนาคม 2564
โดยแบ่งระยะเวลาขยายโครงการออกเป็นสองช่วง แต่ละช่วงจะมีเงื่อนไขตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริงคำนวณเพิ่ม และมีอัตราเงินเยียวยา JobKeeper payment ต่างกัน
การขยายโครงการแบ่งออกเป็นสองช่วงคือ
- ระยะที่ 1 : ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2564
- ระยะที่ 2 : ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2564
อัตราการให้เงินช่วยเหลือจะเปลี่ยนแปลง
เงินเยียวยา JobKeeper payment ที่รัฐบาลให้สิทธิ์ช่วงขยายโครงการแต่ละระยะนั้นแตกต่างกัน ขึ้นกับ
- จำนวนชั่วโมงการทำงานของลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์
- จำนวนชั่วโมงการดำเนินงานของผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์
ทั้งนี้ การให้เงินเยียวยาจะแบ่งออกเป็นสองอัตรา
อัตราระดับ 1 :
|
อัตราระดับ 2 :
|
อัตรานี้ใช้กับ :
- ลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์และทำงาน 80 ชั่วโมง ขึ้นไปในช่วง 4 สัปดาห์ของรอบชำระค่าจ้างก่อนวันที่ 1 มีนาคม 2563 หรือวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 และ
- ผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์และดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง 80 ชั่วโมง ขึ้นไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และมีเอกสารชี้แจงการประกอบการดังกล่าว
|
อัตรานี้ใช้กับ :
- ลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์และผู้เข้าร่วมธุรกิจรายอื่น ๆ
|
นายจ้างและธุรกิจจำเป็นต้องเสนออัตราเงินเยียวยาที่ตนประสงค์ขอรับสิทธิ์แทนลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์และ/หรือผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์แต่ละราย
เงื่อนไขสำหรับผู้ปฏิบัติศาสนกิจคล้ายคลึงกับผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์ คืออัตราเงินเยียวยาขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงการทำกิจกรรมเพื่อแสวงหาศาสนกิจของตนในเดือนกุมภาพันธ์ 2563
ทั้งนี้อาจพิจารณานำเกณฑ์การตรวจสอบสิทธิ์ทางเลือกมาใช้คำนวณให้แก่ลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์ ผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์ หรือผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่ได้รับสิทธิ์เป็นบางกรณี
อัตราการให้เงินเยียวยา JobKeeper payment ช่วงขยายเวลาโครงการแต่ละระยะก็แตกต่างกัน
การขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 1
การขยายโครงการระยะนี้ เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 3 มกราคม 2564
ท่านจะต้องแสดงหลักฐานว่ายอดขาย (GST Turnover) ที่แท้จริงของท่านลดลงในช่วงไตรมาสเดือนกันยายน 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน (โดยทั่วไปคือช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2562) ดู การตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริง (ภาษาอังกฤษ)
นอกจากนี้ท่านจะต้องผ่านเกณฑ์การตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริงเกณฑ์เดิมอีกด้วย แต่ทั้งนี้:
- หากท่านได้รับเงิน JobKeeper ช่วงรายปักษ์ก่อนวันที่ 28 กันยายน แปลว่าท่านมียอดขายลดลงตามเกณฑ์การตรวจสอบเดิมแล้ว
- หากท่านลงทะเบียนขอรับเงิน JobKeeper เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 เป็นต้นไป และท่านมียอดขายลดลงตามเกณฑ์การตรวจสอบแล้ว แปลว่าท่านมียอดขายลดลงตามเกณฑ์การตรวจสอบเดิมด้วย (ยกเว้นมหาวิทยาลัยบางแห่ง) ท่านสามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ตามเกณฑ์ดังกล่าว
อัตราเงินเยียวยา JobKeeper payment ในช่วงขยายโครงการระยะนี้ คือ
- ระดับ 1 : $1,200 ดอลลาร์/ปักษ์ (ก่อนหักภาษี)
- ระดับ 2 : $750 ดอลลาร์/ปักษ์ (ก่อนหักภาษี)
การขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 2
การขยายโครงการระยะนี้ เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2564
ท่านจะต้องแสดงหลักฐานว่ายอดขาย (GST Turnover) ที่แท้จริงของท่านลดลงในช่วงไตรมาสเดือนธันวาคม 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน (โดยทั่วไปคือช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2562) ดู การตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริง (ภาษาอังกฤษ)
นอกจากนี้ท่านจะต้องผ่านเกณฑ์การตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริงเกณฑ์เดิมอีกด้วย แต่ทั้งนี้:
- หากท่านได้รับเงิน JobKeeper ช่วงรายปักษ์ก่อนวันที่ 28 กันยายน แปลว่าท่านมียอดขายลดลงตามเกณฑ์การตรวจสอบเดิมแล้ว
- หากท่านลงทะเบียนขอรับเงิน JobKeeper เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 เป็นต้นไป และท่านมียอดขายลดลงตามเกณฑ์การตรวจสอบแล้ว แปลว่าท่านมียอดขายลดลงตามเกณฑ์การตรวจสอบเดิมด้วย (ยกเว้นมหาวิทยาลัยบางแห่ง) ท่านสามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ตามเกณฑ์ดังกล่าว
ท่านอาจได้รับสิทธิ์ตามโครงการ JobKeeper ช่วงขยายเวลาระยะที่ 2 หากท่านไม่ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ JobKeeper ช่วงขยายเวลาระยะที่ 1
อัตราเงินเยียวยา JobKeeper payment ในช่วงขยายโครงการระยะนี้ คือ
- ระดับ 1 : $1,000 ดอลลาร์/ปักษ์ (ก่อนหักภาษี)
- ระดับ 2 : $650 ดอลลาร์/ปักษ์ (ก่อนหักภาษี)
ดูเพิ่มเติมที่ :
ธุรกิจหรือองค์กรไม่แสวงผลกำไร
สิ่งที่ต้องทำ
ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2563 ท่านจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดดังนี้
- คำนวณว่าลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์และ/หรือผู้เข้าร่วมธุรกิจและ/หรือผู้ปฏิบัติศาสนกิจแต่ละรายของท่านได้รับเงินเยียวยาระดับ 1 หรือระดับ 2
- แจ้งให้เราและลูกจ้างที่ได้รับสิทธิ์และ/หรือผู้เข้าร่วมธุรกิจและ/หรือผู้ปฏิบัติศาสนกิจแต่ละรายของท่านทราบว่าจะได้รับเงินเยียวยาในอัตราใด
- ช่วงขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 1 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกจ้างที่มีสิทธิ์ของท่านได้รับค่าจ้างขั้นต่ำดังนี้
- $1,200 ดอลลาร์/ปักษ์สำหรับลูกจ้างระดับ 1
- $750 ดอลลาร์/ปักษ์สำหรับลูกจ้างระดับ 2
- ช่วงขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 2 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกจ้างที่มีสิทธิ์ของท่านได้รับค่าจ้างขั้นต่ำดังนี้
- $1,000 ดอลลาร์/ปักษ์สำหรับลูกจ้างระดับ 1
- $650 ดอลลาร์/ปักษ์สำหรับลูกจ้างระดับ 2
หากท่านจดทะเบียนภาษี GST และมีใบประกอบการธุรกิจ (BAS) ที่ยังค้างส่ง ท่านควรส่งใบประกอบการธุรกิจประจำไตรมาสเดือนกันยายน 2562 และเดือนธันวาคม 2562 ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ (หรือส่งเป็นรายเดือน หากท่านทำเรื่องส่งเป็นรายเดือน) การค้างส่งใบประกอบการธุรกิจอาจทำให้การลงทะเบียนขอรับเงิน JobKeeper payments ในช่วงขยายโครงการ JobKeeper ล่าช้า
การตรวจสอบยอดขายว่าลดลง
ในช่วงขยายโครงการแต่ละระยะ จะมีเงื่อนไขตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริงคำนวณเพิ่มเติมดังนี้
- ระยะที่ 1 ท่านจะต้องแสดงหลักฐานว่ายอดขาย (GST Turnover) ที่แท้จริงของท่านลดลงในช่วงไตรมาสเดือนกันยายน 2563 (กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน (โดยทั่วไปคือช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2562)
- ระยะที่ 2 ท่านจะต้องแสดงหลักฐานว่ายอดขาย (GST Turnover) ที่แท้จริงของท่านลดลงในช่วงไตรมาสเดือนธันวาคม 2563 (ตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน (โดยทั่วไปคือช่วงไตรมาสเดียวกันของปี 2562)
ดู การตรวจสอบยอดขายว่าลดลงจริง (ภาษาอังกฤษ) หรือพูดคุยกับตัวแทนยื่นภาษีที่ขึ้นทะเบียนของท่านเพื่อขอความช่วยเหลือ
รายละเอียดโครงการที่ไม่เปลี่ยนแปลง
หากต้องการขอรับเงินเยียวยารายปักษ์ช่วงขยายโครงการ JobKeeper ระยะที่ 1 หรือ 2
- ท่านไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ JobKeeper ใหม่หากท่านเคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ JobKeeper ช่วงรายปักษ์ก่อนวันที่ 28 กันยายน
- ท่านไม่จำเป็นต้องประเมินสิทธิ์เข้าร่วมโครงการของลูกจ้างใหม่อีกครั้ง หรือสอบถามความยินยอมจากลูกจ้างให้เสนอชื่อท่านเป็นนายจ้างที่ได้รับสิทธิ์ หากท่านเคยขอรับเงินเยียวยาแทนลูกจ้างก่อนวันที่ 28 กันยายน
- ท่านไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใด ๆ เพิ่มเติม หากท่านกำลังขอรับเงินเยียวยาแทนผู้เข้าร่วมธุรกิจที่ได้รับสิทธิ์ นอกจากเป็นผู้เข้าร่วมธุรกิจที่เริ่มลงทะเบียนเข้าร่วมตั้งแต่เริ่มโครงการ JobKeeper อันเนื่องมาจาก
- มีหมายเลข ABN และ
- แจ้งเงินได้พึงประเมินและการจัดหาสินค้าและบริการ
ผู้เข้าร่วมโครงการ JobKeeper ใหม่
โครงการ JobKeeper ยังเปิดรับให้ผู้เข้าร่วมโครงการใหม่ลงทะเบียน หากมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในโครงการระยะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ได้รับอนุญาตโดยรัฐบาลออสเตรเลีย รัฐแคนเบอร์ร่า
Important information about the JobKeeper Payment in Thai.